นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท เครดิตฟองซิเอร์ เวิลด์ จำกัด

หลักการและเหตุผล

    บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เวิลด์ จำกัด (“บริษัท”) ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้ และตระหนักถึงการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท บริษัทเข้าใจดีว่าลูกค้าต้องการความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
    ดังนั้น บริษัทจึงให้ความสำคัญด้านการเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวของลูกค้าและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าโดยได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่างๆในการดำเนินงานของบริษัทด้วยมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ลูกค้าได้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่บริษัทได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามความต้องการของลูกค้าและถูกต้องตามกฎหมาย
    นโยบายฉบับนี้ใช้เพื่อแจ้งให้ลูกค้าในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตลอดจนสิทธิตามกฎหมายของลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล

ขอบเขตการบังคับใช้

 นโยบายฉบับนี้ใช้สำหรับบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เวิลด์ จำกัด

แนวนโยบาย

1. คำจำกัดความ

   1.1 ลูกค้า หมายความว่า ลูกค้าของบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เวิลด์ จำกัด ทั้งลูกค้าเงินฝากและลูกค้าสินเชื่อไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
   1.2 ข้อมูลส่วนบุคคล หมายความว่า ข้อมูลที่ทำให้ระบุตัวตนของลูกค้าไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

2. หลักเกณฑ์

2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย
  2.1.1. ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของลูกค้าได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่
      1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าให้ไว้แก่บริษัทโดยตรงหรือให้ผ่านบริษัทหรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ติดต่อ เยี่ยมชม ค้นหา ผ่านช่องทางดิจิทัล สาขา เว็บไซต์ Call Center ผู้ที่ได้รับมอบหมายหรือช่องทางอื่นใด
      2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากลูกค้าโดยตรง เช่น หน่วยงานของรัฐ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน สถาบันการเงินผู้ให้บริการทางการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทข้อมูลเครดิต และผู้ให้บริการข้อมูล เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากลูกค้าตามที่กฎหมายกำหนดเว้นแต่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต
       ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย เช่น
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด สถานภาพสมรส เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง
- ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์
- ข้อมูลทางการเงิน เช่น รายรับ รายจ่าย เลขบัญชีเงินฝาก จำนวนเงินฝาก ดอกเบี้ย เลขบัตรเครดิต เลขบัตร เดบิต ประวัติทางการเงิน รายการทรัพย์สิน
- ข้อมูลการทำธุรกรรม เช่น รายการเดินบัญชี การชำระเงิน การกู้ยืมเงิน การลงทุน
- ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP address MAC address Cookie ID
- ข้อมูลอื่นๆ เช่น การใช้งานเว็บไซต์ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
   2.1.2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data)คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากลูกค้าหรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาตโดยบริษัทอาจต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลข้อมูลชีวภาพ (Biometric) เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลจำลอง ม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการที่ขอสมัคร และ/หรือทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล สาขา เว็บไซต์ Call Center หรือช่องทางอื่นใด เป็นต้น
     (ต่อไปในนโยบายฉบับนี้หากไม่กล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวที่เกี่ยวกับลูกค้าข้างต้น รวมกันว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล” )
2.2 วัตถุประสงค์ที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
     บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เพื่อประโยชน์ของลูกค้าในการใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ตลอดจนเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ ที่ บริษัทหรือลูกค้าต้องปฏิบัติตาม และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ ดังนี้
     2.2.1. เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของลูกค้า และเพื่อการอื่นที่จำเป็นภายใต้กฎหมาย
         2.2.1.1. เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งลูกค้าเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอ ของลูกค้าก่อนใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท (Contractual Basis) เช่น
              (1.) การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย
              (2.) การปฏิบัติตามกฎหมายธุรกิจสถาบันการเงิน กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายประกันชีวิต กฎหมายประกันวินาศภัย กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลาย ล้างสูง กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและ ระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
      ทั้งนี้ หากบริษัทจำเป็นต้องใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท หรือการเข้าทำสัญญากับลูกค้าบริษัทอาจจะไม่สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการให้แก่ลูกค้า (หรือไม่สามารถจัดหาผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการให้แก่ลูกค้าต่อไป) หากบริษัทไม่สามารถเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเมื่อมีการร้องขอ
         2.2.1.3. เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ลูกค้าสามารถคาดหมาย ได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น
              (1.) การบันทึกเสียงทาง Call Center การบันทึกภาพ CCTV การแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร
              (2.) การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น การจัดการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การดูแลลูกค้าโดยพนักงานของบริษัท การแจ้งเตือนหรือนำเสนอ ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ ประเภทเดียวกันกับที่ลูกค้ามีอยู่กับบริษัทซึ่งเป็นประโยชน์กับลูกค้า
              (3.) การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการเดียวกันเพื่อการดังกล่าว ภายใต้นโยบาย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเครือกิจการ (Binding Corporate Rules)
              (4.) การทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (Anonymous Data)
              (5.) การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญา (เช่น ข้อมูลล้มละลาย) การทำผิด กฎหมายต่างๆ (เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือชื่อเสียง) ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันในการป้องกัน รับมือ ลดความ เสี่ยงข้างต้น
              (6.) การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ตัวแทน ของลูกค้านิติบุคคล
              (7.) การติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ หรือออกบูธ
              (8.) การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
              (9.) การรับ-ส่งพัสดุ
      2.2.2. เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลปรปะโยชน์จากการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ ตามที่ลูกค้าเลือกให้ความยินยอมไว้ เช่น
          2.2.2.1. เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่ดียิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
          2.2.2.2. เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ คำแนะนำ และข่าวสารต่างๆ รวมถึงสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์และ/หรือ บริการ สิทธิประโยชน์ โปรโมชัน ข่าวสาร หรือกิจกรรมพิเศษของบริษัทเอง หรือของบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินหรือของบุคคลที่บริษัทเป็นตัวแทน นายหน้า ผู้จำหน่าย หรือของพันธมิตรทางธุรกิจ หรือของบุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทตามแต่กรณีที่ลูกค้าให้ความยินยอมไว้
2.3 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้ใครบ้าง
     บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของลูกค้าหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วย งานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามขอบเขตที่ลูกค้าได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้
     บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพื่อการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อการวิเคราะห์และพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ เพื่อการทำวิจัยหรือจัดทำข้อมูลทางสถิติ เพื่อการส่งเสริมการขายและการประชาสัมพันธ์ของบริษัท เพื่อการบริหารกิจการ เพื่อการป้องกันการทุจริต เพื่อให้ผู้อื่นให้ บริการสนับสนุนแก่บริษัท เพื่อการพิสูจน์ตัวตนลูกค้า โดยบริษัทอาจเปิดเผยให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ เช่น บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ผู้ประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคล พันธมิตรทางธุรกิจที่ออกผลิตภัณฑ์ร่วมกัน (co-brand) ผู้ให้บริการภายนอก ตัวแทนของบริษัท ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ สถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี ผู้ ตรวจสอบภายนอก บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ บริษัทข้อมูลเครดิต ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิและ/หรือผู้รับโอน สิทธิในธุรกรรมหรือการควบรวมกิจการต่าง ๆ ของบริษัท นิติบุคคลหรือบุคคลใดๆ ที่มีความสัมพันธ์หรือมีสัญญาอยู่กับบริษัท ซึ่งรวมตลอดถึง ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบริษัทและของบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าว
     กรณีเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้บุคคลอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดของผู้รับข้อมูล เช่น เพื่อการส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์ หรือการเสนอ ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการจากผู้รับข้อมูลให้แก่ลูกค้า บริษัทจะแจ้งรายชื่อผู้รับข้อมูลให้ลูกค้าทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจให้ความยินยอม
2.4 บริษัทส่งข้อมูลหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปยังต่างประเทศหรือไม่
     บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปยังบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บน server/cloud ในประเทศต่างๆ
     กรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานไม่เพียงพอ บริษัทจะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงรักษาความลับกับผู้รับข้อมูลในประเทศดังกล่าว หรือ ในกรณีที่ผู้รับข้อมูลเป็นบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกัน บริษัทอาจเลือกใช้วิธีการดำเนินการให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการตรวจสอบ และรับรองจากผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินการให้การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันที่อยู่ต่างประเทศเป็น ไปตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแทนการดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ก็ได้
2.5 ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
     บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่ลูกค้าเป็นลูกค้าหรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จัดเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี
     ทั้งนี้ บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของลูกค้าได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
2.6 บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอย่างไร
     บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับข้อมูลไป จากบริษัทใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยไม่ชอบ และบริษัทได้มีการปรับปรุงนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะๆตามความจำเป็นและเหมาะสม
     นอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้องรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น
2.7 สิทธิของลูกค้าเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
    สิทธิของลูกค้าในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ลูกค้าควรทราบ โดยลูกค้าสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้ หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น และในกรณีลูกค้ามีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย ลูกค้าสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดาและมารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือมีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์
    2.7.1. สิทธิขอถอนความยินยอม หากลูกค้าได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ลูกค้าให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ลูกค้ามีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ลูกค้าอยู่
     ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของลูกค้าอาจส่งผลกระทบต่อลูกค้าจากการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการต่างๆ เช่น ลูกค้าจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ๆ ไม่ได้รับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ดียิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าหรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ลูกค้า เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของลูกค้าจึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม
    2.7.2. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล ลูกค้ามีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ลูกค้า รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามาได้อย่างไร
    2.7.3. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล ลูกค้ามีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วย เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติและมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
     ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วน บุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งลูกค้าเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัทหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของลูกค้าก่อนใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทหรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
    2.7.4. สิทธิขอคัดค้าน ลูกค้ามีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นโดยไม่เกินขอบเขตที่ลูกค้าสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลหรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์หากลูกค้ายื่นคัดค้านบริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวมใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของลูกค้าหรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมายตามแต่ละกรณี
   นอกจากนี้ลูกค้ายังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดหรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติได้อีกด้วย
   2.7.5. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ลูกค้ามีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวลูกค้าได้ หากลูกค้าเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้หรือเมื่อลูกค้าได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
   2.7.6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ลูกค้ามีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของลูกค้าหรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ลูกค้าขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
   2.7.7. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ลูกค้ามีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้ถูกต้องเป็นปัจจุบันสมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
   2.7.8. สิทธิร้องเรียน ลูกค้ามีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากลูกค้าเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
   2.7.9. การใช้สิทธิของลูกค้าดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องและมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของลูกค้าได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาลเพื่อประโยชน์สาธารณะการใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ลูกค้าทราบด้วย

ช่องทางที่สามารถติดต่อบริษัท

    หากลูกค้ามีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ลูกค้าสามารถติดต่อบริษัท และ/หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทาง ดังนี้
    บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เวิลด์ จำกัด 6/10 อาคารพิพัฒนสิน ชั้น 16 ห้อง 16A ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: (662) 678 3900 Fax: (662) 678 3904 Email: contact@worldcreditfoncier.co.th